2 ก.ย. 2553

เลือกคนร่วมทาง (มก.1:16-20)

(มก.1.16-20) เลือกคนร่วมทาง



คำนำ พระเยซูทรงเลือกสาวกร่วมทางกับพระองค์ เป็นพี่น้อง 2 คู่ คือ ซีโมนกับอันดูร์ และ ยากอบกับยอห์น บุตรเศเบดี การเลือกผู้ร่วมทางของพระองค์ครั้งนี้สอนเราหลายอย่าง เพื่อประยุกต์ใช้ในการเลือกคนร่วมทางเดิน ทั้งร่วมงาน ร่วมชีวิต หรือร่วมรับใช้ ซึ่งมีหลักดังนี้



1 . เลือกคนที่คล้ายๆ กัน (16)

วิธีการเลือกสาวกกลุ่มแรกของพระเยซูนั้น ทรงใช้วิธีง่ายสุดและน่าเป็นได้สุด ถนัดสุด คือ ไปพูดกับคนที่มีอะไรคล้ายๆกับพระองค์คือ เป็นคนธรรมดาสามัญชาวประมง เช่นเดียวกับที่พระเยซูเอง ก็ทรงเป็นชาวบ้านธรรมดาอาชีพช่างไม้ ดังนั้นพระองค์และพวกเขาคงสามารถปรับตัวสนิทกันได้ง่ายขึ้น เพราะมีพื้นฐานในชีวิตที่คล้ายๆกัน

กัน ไม่แตกต่างกันมากจนยากที่จะปรับตัวเข้าหากัน แม้ความจริงจะเป็นไปไม่ได้ที่คนเราจะมีอะไรเหมือนกันทุกอย่าง แต่อย่างน้อยควรมีทิศทางเดียวกัน คือไปในทิศเดียวกันได้ แม้วิธีการปลีกย่อยจะต่างกันออกไป แต่สามารถเดินไปในทิศทางเดียวกันได้ ใน(อมส.3.3)บอกว่า"สองคนจะเดินไปด้วยกันได้หรือ นอกจากทั้งสองจะได้ตกลงกันไว้ก่อน" และ(ฟป.1.27)"หนุนใจให้คงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ต่อสู้เหมือนอย่างเป็นคนเดียวกัน "

ตัวอย่างการเลือกทีมงาน หรือคนร่วมทางที่เป็นคนคล้ายๆกัน

เช่น โมเสส เลือกโยชูวา เพราะเขามีความเชื่อ ความภักดี และกล้าหาญเป็นนักสู้เช่นกัน

เช่น เอลียา เลือกเอลีชา เพราะเขามีฤทธิ์เดช ของประทาน และอยู่เพื่อพระเจ้าสุดใจเช่นกัน

เช่น เปาโล เลือกทิโมธี เพราะเขาถูกหล่อหลอมด้วยพระวจนะมาทั้งชีวิต รักการอภิบาลเช่นกัน




2. เลือกคนที่มีสาระ (17)

"จงตามเรามาเถิด เราจะตั้งท่านให้เป็นผู้หาคนดังหาปลา"




เมื่อซีโมนและอันดูร์ ได้ยินคำพูดท้าทายของพระเยซูคริสต์นั้นก็หูผึ่งสนใจ หูฝ่ายวิญญาณเขาเปิดออก เขาสนใจคำท้าทายของพระเยซูคริสต์ที่มีคุณค่ามากๆ พวกเขาเป็นคนธรรมดาที่หาปลาหาเลี้ยงชีพไปวันๆ แต่วันนี้พระเยซูมาท้าทายเขาให้สนใจสิ่งที่มีคุณค่ากว่านั่น คือ"หาคน" ช่วยคนทั้งสองคนสนใจ "สิ่งที่มีสาระ" ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญยิ่ง

เป็นคนสนใจสิ่งที่มีสาระมีประโยชน์ ไม่ใช่คนที่อยู่ไปเรื่อยๆ สนใจสิ่งที่ไร้สาระไปวันๆ ซึ่งคนมีสาระไม่จำเป็นต้องมีการศึกษา หรือสถานภาพในสังคมสูงๆ แม้คนธรรมดาสามัญก็มีสาระได้ มีสิ่งดีภายในได้

เช่น เมื่อพระเจ้าทรงเจิมตั้งดาวิด ขณะนั้นเขาเป็นเพียงเด็กเลี้ยงแกะ ส่วนพวกพี่ๆ นั้นรูปงาม เก่งเป็นทหารนักรบในกองทัพ แต่ดาวิดเป็นแค่เด็กน้องเล็กที่คอยส่งเสบียงให้พี่ คนส่วนใหญ่มักคิดว่า ผู้ที่พระเจ้าเจิมตั้งให้เป็นผู้นำ น่าจะเป็นคนเก่งดูดี เช่น พวกพี่ๆ ของดาวิด แต่(1ซมอ.16.7)บอกว่า "พระเจ้าทอดพระเนตรไม่เหมือนมนุษย์ดู มนุษย์ดูภายนอก แต่พระเจ้าทอดพระเนตรจิตใจ" ทั้งนี้เพราะดาวิดเป็นคนมีสาระ มีแก่นสารดีๆ ภายใน เช่น ตอนกองทัพฟิลิสเตียนำโดย ทหารยักษ์โกไลอัท มาท้าทายกองทัพอิสราเอล ไม่มีใครกล้าออกไปสู้ แต่เมื่อดาวิดได้ยิน ท่านกลับพูดว่า "จะทำอย่างไรกับคนที่เหยียดหยามกองทัพของพระเจ้า... อย่าให้จิตใจของผู้ใดฝ่อไป เพราะกลัวเจ้าโกไลอัทเลย ข้าจะไปสู้รบกับมันเอง.." (1 ซมอ.17.26,32)

ให้เราเลือกคนที่มีแก่นสารมีสาระ ให้ดูที่ภายในของเขาว่าเขาสนใจเรื่องใดในชีวิต สนใจความมั่นคง หรือแค่ฉาบฉวย สนใจอนาคตหรือปล่อยไปวันๆสนใจสิ่งที่มีประโยชน์เพื่อพัฒนาตนเอง หรือไร้สาระไปเรื่อยๆ เป็นคนใช้ชีวิตเป็นหรือไม่ เพราะ"ชีวิตมีค่ากว่าทุกสิ่ง" (มก.8.36) และ"ชีวิตคนเรานั้นสั้น"ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้อะไรจะเกิดขึ้น (ยก.4.13-14)





3) เลือกคนที่เอาด้วย (18)


"เขาก็ละแห ตามพระองค์ไปทันที"




"ถ้าคนคล้ายๆ กันและมีสาระ แต่เขาไม่เอาด้วยกับเราก็ร่วมทางเดินไม่ได้แน่" เขาควรมีวิญญาณสนับสนุนเราตอบสนองเอาด้วย ไปด้วยกันตามทิศทางที่เราจะไป ร่วมด้วยในนิมิตยินดีเชื่อฟังเช่น(ยชว.24.15)โยชูวาท้าทายอิสราเอลว่า"จงเลือกเสียในวันนี้ว่าท่านจะปรนนิบัติผู้ใดจะปรนนิบัติพระอื่น..สิ่งอื่นหรือตัวเอง...แต่ส่วนข้าพเจ้าและครอบครัวเราจะปรนนิบัติพระเจ้า"


มีตัวอย่างในพระคัมภีร์ที่คนมีท่าทีดี มีแก่นสารสาระแต่ไม่เอาด้วยไม่ตอบสนอง เช่น

- (มธ.19..22) พระเยซูท้าทายเศรษฐีหนุ่มให้ขายทรัพย์ที่มีแล้วไปแจกคนจน แต่เขาไม่เอาด้วย

- (กจ.15.38) อ.เปาโลปฎิเสธยอห์น มาระโก ไม่ให้ร่วมออกรับใช้ในการไปประกาศครั้งที่2 ก็เพราะว่าในครั้งแรกนั้น เขาหนีกลับบ้านก่อนเพราะลำบาก ไม่อยากไปด้วยนั่นเอง


- (มก.6.1-6) ที่นาซาเร็ธบ้านเกิดของพระเยซูคริสต์แท้ๆ แม้ผู้คนที่นั่นจะที่มีอะไรคล้ายๆกับพระเยซูเป็นคนบ้านเดียวกัน และพวกเขาสนใจเรื่องราวของพระเจ้า คือมีสาระ แต่พวกเขาก็ไม่เอาด้วยกับพระเยซู กลับดูถูกอีกด้วย พระคัมภีร์จึงบอกว่า "พระเยซูทรงทำการอัศจรรย์ที่นั่นไม่ได้"




4) เลือกคนที่สนับสนุนคนอื่นได้ (19)

"ยากอบ บุตรเศเบดี กับ น้องชายกำลังชุนอวนอยู่ในเรือ"




เขาทั้งสองกำลังช่วยกันทำงานคือชุนอวน อวนนั้นเป็นอวนใหญ่ผืนเดียวนอกจาก เขาทั้งสองแล้วก็ยังมีลูกเรือคนอื่นๆ ด้วย(ข้อ20)ที่กำลังร่วมด้วยช่วยกัน ซ่อมแซมอวนให้พร้อมใช้งาน นี่เป็นคุณสมบัติที่สำคัญสำหรับคนร่วมทางไปด้วยกัน เพราะการร่วมทางนั้นเป็นการเดินไปด้วยกันหลายคน ไม่ใช่เราเดินไปคนเดียวบนทางของเรา แต่เป็นการเดินร่วมกันบนทางของพวกเรา ดังนั้นคนที่เดินไปด้วยกันนั้นต้องสนับสนุนคนอื่นได้ ทำงานร่วมกันได้เป็นทีมได้ ถ้าเราเลือกคนที่ไม่สนับสนุนคนอื่น แต่คนอื่นต้องคอยสนันสนุนเขา คนอย่างนี้ถ้าร่วมทางกันไปก็จะเกิดปัญหาแน่ๆไม่ช้าก็เร็ว

แต่ทุกคนต้องรู้จักให้และรู้จักรับ เหมือนกีฬาเป็นทีมที่ต้องมีทีมเวิร์ค รับส่งสนับสนุน ปกป้องกันไหลไปด้วยกันได้ จนสามารถบรรลุเป้าหมายและชัยชนะได้ในที่สุด (ปญจ.4.9-10)บอกว่า"สองคนดีกว่าคนเดียว ....ด้วยว่าถ้าคนหนึ่งล้ม อีกคนหนึ่งจะได้ช่วยพยุงเพื่อนของตนให้ลุกขึ้น" เช่นตัวอย่าง (1 พศด.11.10)"กลุ่มวีรบุรุษของดาวิดจำนวนมาก(ทีมทหารที่รักและสนับสนุนดาวิดอย่างแข็งแรง) เชิญพระองค์ให้เป็นพระราชาตามพระวจนะของพระเจ้า.."




5) เลือกคนที่รับผิดชอบ (20)

"...เขาจึง ละ เศเบดี บิดา ไว้ที่เรือกับลูกจ้าง แล้วตามพระองค์ไป"




ทั้งยากอบและยอห์น ไม่ได้ทิ้งบิดาไว้แล้วไปรับใช้ แต่เขาได้บริหารจัดการมีความรับผิดชอบฝากธุรกิจ ฝากกิจการเรือประมงไว้ให้พร้อมลูกจ้างที่จะดูแลสานงานต่อไปได้ เขาเป็นคนมีความรับผิดชอบ สิ่งนี้สำคัญมากเพราะ "ถ้าเราเรียกร้องให้คนเดินทางร่วมกับเราโดยไม่ตระหนักถึงหน้าที่และหลายสิ่งที่เขาต้องรับผิดชอบ เท่ากับว่าเรากำลังสอนเขาให้เป็นคนเห็นแก่ตัวและไร้ความรับผิดชอบนั่นเอง" การรับผิดชอบไม่ใช่หมายถึงเราต้องยึดติดตรงนั้นไปไหนไม่ได้ ขยับไม่ได้เลย แต่หมายถึงขอพระเจ้าประทานสติปัญญาช่องทาง เพื่อเราจะสามารถทำงานได้รับใช้ได้ ร่วมทีมได้อย่างเต็มที่ งานก็สำเร็จและชีวิตที่ไปด้วยกันได้ดีแน่ เมื่อเราตระหนักถึงความรับผิดชอบ


เช่น (ยน.19.26-27) " พระเยซูคริสต์เองบนไม้กางเขนก่อนสิ้นพระชนม์ ได้ฝากนางมารีย์มารดา ไว้กับสาวกคนที่พระองค์ทรงรักให้กลายเป็นแม่ลูกบุญธรรมกันดูแลไปตลอดชีวิต" และใน (1 ทธ.5.8) บอกว่า"ถ้าผู้ใดไม่เลี้ยงดูไม่รับผิดชอบต่อครอบครัวญาติพี่น้องคนในบ้านของตน คนนั้นก็แย่มากเท่ากับปฎิเสธพระเยซูเจ้า และชั่วร้ายยิ่งกว่าคนไม่เชื่ออีก"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น