26 พ.ค. 2560

การล้มในพระวิญญาณ ในทรรศนะของ อาจารย์ ธวัช เย็นใจ

การฟื้นฟูจิตวิญญาณจริงหรือ? 
ตอน : ล้มในพระวิญญาณ! 
ธวัช เย็นใจ 
“การฟื้นฟูในรูปแบบใหม่! 
เชิญรับการสัมผัสจากพระเจ้า 
การเปลี่ยนแปลงในชีวิตคริสเตียนของท่าน 
โดยทีมงานของคริสตจักรที่มีการฟื้นฟูทุกคนอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลานานับปี 
และเป็นสื่อของการฟื้นฟูไปทั่วโลก” 
นี่เป็นคำโฆษณาเชิญชวนให้คริสเตียนไปร่วมประชุมฟื้นฟูเพื่อ “ล้มในพระวิญญาณ!” 
ระหว่างที่มีการฟื้นฟู คนก็นิ่งไปและไหลลงไปนอนราบกับพื้น บางคนกระตุก บางคนส่งเสียงแปลกๆ...คนที่ได้รับการอธิษฐานส่วนมากจะล้มลงไปนอนกับพื้น การล้มลงไปนอนแบบนี้เรียกว่า การพักในพระวิญญาณ 


คนที่มาอธิษฐานให้นั้นจะมีผู้ช่วยอีกคนหนึ่งมายืนด้านหลัง เพื่อรับคนที่มักจะล้มลงเมื่อรับการอธิษฐาน คนที่รับการอธิษฐานจะมีบางคนที่ยืนเฉยๆ หรือยืนสั่น แต่ส่วนใหญ่จะล้มลงไปนอนสงบ จะมีบางคนนอนหัวเราะ บางคนก็ไม่มีแรงลุกขึ้นจากพื้น เป็นเวลานานหลายชั่วโมง 


การฟื้นฟูแบบนี้มาจากพระเจ้าหรือจากผีมารซาตาน? 
มีคำถามว่า การประชุมแบบนี้ถูกต้องตามหลักคำสอนของพระคัมภีร์หรือไม่? เพราะในโลกทุกวันนี้มีวิญญาณเท็จจำนวนมากที่เร่ร่อนไปทำการอัศจรรย์ต่างๆ โดยแอบอ้างพระนามของพระเยซูคริสต์ หรือเป็นเพียงการชักจูงหรือเร้าอารมณ์ เป็นการอาศัยวิชาทางด้านจิตวิทยาไหม? หรือว่ามีการตรียมการมาเพื่อแสดงละครฉากหนึ่งเท่านั้น โดยมีการจัด “หน้าม้า” มาทำให้มันดูเหมือนจริงและน่าเชื่อถือ! 


กลุ่มฟื้นฟูฯอ้างว่า เมื่อมีการสำแดงจากพระเจ้าจะมีการล้มลง สาเหตุแห่งการล้มลงได้แก่ 
- พวกเขากลัวในความบริสุทธิ์ของพระเจ้า 
- เพื่อเป็นการบังคับให้นอน อันเนื่องมาจากความเย่อหยิ่งและกบฏของมนุษย์ 
- เพื่อให้พักผ่อนหรือรับการรักษา 
- การล้มไปข้างหลังอันเนื่องมาจากน้ำหนักพระสิริของพระเจ้า 
คำกล่าวอ้างเหล่านี้ฟังเข้าทีดี แต่ว่าเราต้องหาหลักฐานที่สอดคล้องกับพระคัมภีร์ มีบ้างไหมที่พระวจนะของพระเจ้ากล่าวถึงเรื่องเหล่านี้? 


ข้อสังเกต : กลุ่มฟื้นฟูฯ(ผงทองคำ)เหล่านี้มักจะอ้างพระคัมภีร์ตอนหนึ่งว่า “มีอีกหลายสิ่งที่พระเยซูทรงกระทำ ถ้าจะเขียนไว้ให้หมดทุกสิ่ง ข้าพเจ้าคาดว่า แม้หมดทั้งโลกก็น่าจะไม่พอไว้หนังสือที่เขียนนั้น” (ยน. ๒๑.๒๕) พวกเขาก็เลยตีความว่า การอัศจรรย์บางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ เกิดขึ้นในสมัยพระคัมภีร์ แต่ไม่ได้บันทึกไว้! 


ถ้าเป็นซะอย่างนี้แล้ว ก็เท่ากับพูดว่า พระคัมภีร์ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นะซิ? 
โอ...ชักจะเลอะเทอะไปกันใหญ่แล้ว พี่น้องเอ๋ย! 

ข้ออ้างว่า เอเสเคียลล้มลง 
ผู้นำกลุ่มการฟื้นฟูจิตวิญญาณแบบที่กล่าวมาแล้วนี้ ได้อ้างพระคัมภีร์เดิมบางตอน ซึ่งก็ไม่ชัดเจนพอว่ามีการล้มในพระวิญญาณ แต่อธิบายแบบเอา “สีข้างเข้าถู” โดยอ้างจากเอเสเคียล ๔๔.๔ ที่เอเสเคียลได้สัมผัสกับพระสิริของพระเจ้าในพระวิหารแล้วท่านก็กล่าวว่า “ข้าพเจ้าก็ซบหน้าลงถึงดิน” 


พระคัมภีร์ตอนนี้บอกชัดเจนว่า 
(๑) เอเสเคียลได้พบกับพระสิริของพระเจ้า แล้วท่านก็ซบหน้าลงถึงพื้น มิใช่เป็นการล้มหงายไปข้างหลัง 
(๒) เอเสเคียลล้มลงไปเอง โดยไม่ต้องมีใครมาอธิษฐานวางมือที่หัวหรือไหล่ (หรือผลักหน้าผาก ผลักอก หรือคนรอรับเข้ามาใช้เข่าดันที่ข้อพับขาด้านหลัง) เป็นการซบหน้าลงด้วยความยำเกรงพระเจ้า 
(๓) เอเสเคียลล้มลงไปโดยที่ไม่ต้องมีใครคอยมาอุ้มหรือรองรับ ต่างจากกลุ่มฟื้นฟูจิตวิญญาณในสมัยปัจจุบันที่จะต้องจัดเตรียมคนมาคอยรับด้านหลัง เพราะเกรงว่าศีรษะของผู้ถูกวางมือจะกระแทกกับพื้น และเปฌนอันตรายต่อสมอง 

การพักผ่อนในพระวิญญาณ 
ผู้นำของกลุ่มการฟื้นฟูฯอ้างว่า “การที่คนของพระเจ้าล้มลงนั้น เป็นการตอบสนองทางด้านร่างกายต่อการสำแดงหรือการสถิตอยู่ของพระเจ้า...ปรากฏการณ์ที่ชัดเจนมากที่สุดในการประชุมของพวกเขา คือการล้มลง มักจะเรียกว่า การพักผ่อนในพระวิญญาณ จะยังคงมีสติ แต่ติดต่อกับพระเจ้า พวกเขาจะรู้สึกหมดเรี่ยวแรงและไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากพักผ่อนกับพระเจ้า เมื่อพวกเขาได้นอกพักในพระเจ้าแล้ว ชีวิตของพวกเขาจะมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก” 


อ้างอับราฮัม มีการอ้างพระคัมภีร์(แบบน้ำขุ่นๆ)จากประสบการณ์ของอับราฮัม “อับราฮัมก็หลับสนิท” (ปฐก. ๑๕.๑๒) โดยอธิบายจากภาษาฮีบรูว่า เป็นการหลับสนิทอย่างแท้จริง เหมือนเมื่อพระเจ้าทรงบันดาลให้อาดัมหลับสนิท (ปฐก. ๒.๒๑) 
ทำให้เกิดความสงสัยว่า ตอนแรกเขาบอกว่าการล้มลงเป็นการพักผ่อนในพระวิญญาณ จะยังคงมีสติ แต่น่าแปลกใจว่า คนหลับสนิทจะมีสติได้อย่างไร? มีใครบ้างที่หลับสนิทแต่ยังมีสติอยู่? คำพูดนี้มันขัดแย้งในตัวมันเองอย่างชัดเจน 


อ้างทหารยาม ผู้นำกลุ่มกาฟื้นฟูฯได้ยกพระคัมภีร์มัทธิวบทสุดท้าย “ยามที่เฝ้าอุโมงค์(พระศพของพระเยซู)กลัวทูตสวรรค์องค์นั้นจนตัวสั่น และเป็นเหมือนคนตาย” (มธ. ๒๘.๔) 
ถ้าอ่านให้ดีจะพบว่า นี่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคนที่ไม่เชื่อพระเจ้า(พวกทหารโรมัน) พวกเขาเป็นศัตรูกับพระเยซูคริสต์ ท่าทีต่างจากอาการสั่นของผู้เชื่อในขณะที่นมัสการพระเจ้า! 


อ้างเปาโล กลุ่มการฟื้นฟูฯได้เรื่องของเซาโลมาเป็นตัวอย่าง “เซาโลก็ล้มลงถึงดิน และได้ยินพระสุร เสียงตรัสมาว่า เซาโล เซาโลเอ๋ย เจ้าข่มเหงเราทำไม?” (กจ. ๙.๔) นี่ก็มาอีหรอบเดียวกัน เนื่องจากเวลานั้นเปาโลเป็นฟาริสีและเกลียดชังพระเยซูยิ่งนัก จึงพยายามข่มเหงผู้เชื่อและไล่จับคริสเตียนมาขังคุก หากมีการต่อต้านขัดขืนก็จะฆ่าให้ตาย พดง่ายๆก็คือต้องการทำลายคริสเตียนให้สิ้นซาก! 


แต่ขอให้ผู้อ่านสังเกตว่า เปาโลไม่ได้ล้มลงในขณะอธิษฐาน นมัสการและสรรเสริญพระเจ้า ดังนั้น เราจะเอาเรื่องของเปาโลมาเทียบกับเรื่องล้มในพระวิญญาณไม่ได้หรอก มันคนละกรณีกัน พวกกลุ่มฟื้นฟูไม่มีความมารู้ในพระคัมภีร์อย่างแท้จริง จึงพยายามโยงใยและจับแพะชนแกะ 


อ้างซาอูล กลุ่มฟื้นฟูฯได้ยกเอาเรื่องที่ของซาอูลเผยพระวจนะและบรรทมเปลือยกายอยู่ตลอดคืน (๑ ซมอ. ๑๙) ว่านั่นเป็นภาพเดียวกับการล้มลงในพระวิญญาณ ฟังดูแล้วมันน่าขบขันนะ จะว่าน่าเกลียดน่าชังด้วยซ้ำไปก็ว่าได้ แค่ถูกวางมือและล้มลงไปคนเขาก็หาว่าคริสเตียนบ้า(หรือถูกผีเข้า)พออยู่แล้ว นี่ถ้าคริสเตียนเลียนแบบซาอูลโดยเปลื้องผ้าเปลื้องผ่อนและนอนลง พวกเราไทยซึ่งเป็นลูกของพระเจ้าก็ไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกันแล้ว! 
................................................. 


ในฐานะที่เราเป็นคริสเตียนไทย มีเบื้องหลังจากขนบธรรมประเพณีที่ดีและงดงาม มีความสุภาพอ่อนน้อม สงบเสงี่ยม สุขุมคัมภีร์ภาพ เรื่องของศาสนาถือว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ล้ำลึก สงบเงียบ เยือกเย็น สุขใจ และมีคุณค่าทางด้านจิตวิญญาณ 
เราต้องระมัดระวัง ของประทานฝ่ายวิญญาณที่ถูกใช้อย่างเดินขอบเขตนั้น ย่อมส่งผลเสียต่อตนเองและต่อส่วนรวม! 


การที่เราจะมานมัสการพระเจ้าแบบต้องกระโดดโลดเต้น ร้องตะโกน โวยวายโหวกเหวก กรีดเสียง โหยหวน ร้องไห้ หัวเราะ ตบมือ ล้มลง ฯลฯ นั้นเป็นการสมควรหรือไม่ เพราะพระคัมภีร์บอกอย่างชัดเจนว่า “เพราะว่าพระเจ้าไม่ใช่พระเจ้าแห่งความวุ่นวาย แต่ทรงเป็นพระเจ้าแห่งสันติสุข” และบอกอีกว่า “แต่จงปฏิบัติทุกสิ่งตามระเบียบวินัยเถิด” (๑ คร. ๑๔.๓๓, ๔๐)