29 พ.ค. 2552

เงื่อนไข 4 ประการ ที่จะได้รับการฟื้นฟูจากพระเจ้า

ข้อพระคัมภีร์ : 2 พงศาวดาร 7:1

คำนำ
ใน 2 พงศาวดาร 7:14 กษัตริย์ซาโลมอนได้มอบถวายพระวิหารเสร็จแล้ว บทที่ 6:26-31 คำอธิษฐานของกษัตริย์ซาโลมอน คือ พระเจ้าปิดฟ้าสวรรค์ และไม่ให้มีฝนตก เพราะชาวอิสราเอลทำบาป ทำให้เกิดภัยพิบัติต่างๆ ท่านขอให้พระเจ้ายกโทษความผิดบาปของชาวอิสราเอล จากคำอธิษฐานของกษัตริย์ซาโลมอน พระเจ้าทรงตอบ ใน 2 พงศาวดาร 7:14
แท้ที่จริงพระเจ้าต้องการให้ประชากรของพระองค์ (คริสเตียนคือประชากรของพระองค์) ดำเนินชีวิตฝ่ายวิญญาณ พระเยซูทรงสอนเราว่า ท่านทั้งหลายเป็นเกลือ เป็นความสว่าง แต่คริสเตียนกลับเป็นหิน และเป็นคนที่ชอบเข้าไปอยู่ในความมืด มีส่วนในความมืด ความเฉื่อยชาได้เข้าครอบครองและควบคุมชีวิต อันเนื่องมาจากการยอมให้กับความบาปเข้ามานั่นเอง
ถึงเวลาแล้วที่คริสเตียนต้องหันหน้ากลับมาเพื่อเราจะได้รับการพลิกฟื้นจากพระองค์ กล่าวคือได้รับการเปลี่ยนแปลงชีวิตอย่างแท้จริงอันเป็นหนทางแห่งชีวิตที่ได้รับพร และคนเป็นอันมากจะพากันสรรเสริญพระองค์
ดังนั้นเราจะมาพิจารณาถึง เงื่อนไข 4 ประการที่จะได้รับการฟื้นฟูใน 2 พงศาดาร 7:14

ประการที่ 1 ถ่อมตัวลง
1.1 เราต้องถ่อมใจต่อหน้าพระเจ้า (2 พงศาดาร 7:14)
กษัตริย์โยสิยาห์แห่งยูดาห์ เขาได้เริ่มเป็นกษัตริย์เมื่ออายุได้ 8 ขวบ ประมาณ 648 ก.ค.ศ. เมื่อเขาอายุ 16 ปี เขาเริ่มแสวงหาพระเจ้า เขาไม่เคยมีแบบอย่างที่ดีจากบรรพบุรุษ แต่เมื่อเขาอายุ 16 ปี เขาเริ่มทำลายรูปเคารพ แสวงหาพระเจ้าด้วยความถ่อมใจ เมื่อพระเจ้าให้การฟื้นฟูนั้น พระเจ้าแสวงหาการถ่อมใจ เมื่อเราถ่อมใจต่อหน้าพระเจ้า พระเจ้าจะประทานการฟื้นฟู
1.2 เราต้องถ่อมใจต่อพระวจนะ (2 พงศาดาร 34:14-28)
ขณะที่เขาทั้งหลายกำลังซ่อมแซมพระวิหาร ปุโรหิตฮิลคียาห์ได้พบม้วนหนังสือธรรมบัญญัติ เมื่อกษัตริย์โยสิยาห์ได้ฟังธรรมบัญญัติ เขาร้องไห้และฉีกเสื้อผ้า เขาถ่อมใจต่อพระวจนะของพระเจ้าและสารภาพบาป ถ้าธรรมบัญญัติเป็นหนังสือเฉลยธรรมบัญญัติคงต้องใช้เวลา 2 ถึง 3 ชั่วโมง ถ้าหนังสือนั้นเป็นเบญจบรรณ ก็คงจะต้องใช้เวลา 12 ชั่วโมงกว่า กษัตริย์โยสิยาห์ ยอมฟังพระวจนะหลายชั่วโมง เพราะเขาถ่อมใจต่อพระวจนะของพระเจ้า
พระเจ้าแสวงหาผู้ที่ ค้นคว้าพระคำ ภาวนาพระคำ เชื่อฟังพระคำ และประกาศพระคำ เราทั้งหลายผู้เป็นประชากรของพระองค์สมควรหรือไม่ที่จะกระทำอย่างนี้
1.3 เราต้องถ่อมตัวลงต่อผู้นำที่เป็นผู้รับใช้พระเจ้า (2 พงศาดาร 34:29-33)
เมื่อกษัตริย์โยสิยาห์ และพวกผู้นำทางศาสนาที่ต้องการ รับการเปลี่ยนแปลงจากพระเจ้า เรียกประชาชนมาฟังพระวจนะ และประชาชนก็ยอมเชื่อฟังผู้นำที่พระเจ้าได้ทรงเจิมไว้ และพระคัมภีร์ก็ไม่ได้บันทึกหรือบอกกับเราว่า มีคนต่อต้านผู้นำในเวลานั้น นั่นก็หมายความว่า ประชากรเชื่อฟังผู้นำและมีส่วนร่วมกับผู้นำ
การเชื่อฟังผู้นำหรือผู้รับใช้พระเจ้าที่ได้การเจิมจากพระเจ้า เพื่อให้กระทำสิ่งดี เราทั้งหลายผู้ที่อยู่ใต้อำนาจการดูแลก็สมควรแล้วที่จะต้องเชื่อฟัง

ประการที่ 2 อธิษฐาน
2.1 เราต้องอธิษฐานด้วยความช่วยเหลือจากพระวิญญาณบริสุทธิ์และยึดพระสัญญาจากพระองค์ เมื่อพระวิญญาณทรงช่วยเหลือเรา และยึดพระสัญญาของพระเจ้า เราจะอธิษฐานอย่างถูกต้อง
2.2 เราต้องอธิษฐานตามพระประสงค์ของพระเจ้า (ยก.5:14)
2.3 เราต้องอธิษฐานด้วยความเชื่อไม่สงสัย (ยก.1:6)
2.4 เราต้องอธิษฐานด้วยใจที่ร้อนรน (กจ.12:5 )
แม้ว่าเราจะไม่มีความสามารถในการฟื้นฟู แต่เมื่อเราอธิษฐานด้วยใจที่ร้อนรนแล้ว พระเจ้าจะทรงปลดปล่อยและประทานการฟื้นฟูนี้ลงเหนือประชากรของพระองค์อย่างแน่นอน

ประการที่ 3 แสวงหาหน้าของเรา
ประโยคที่ว่า “แสวงหาหน้าของเรา” ซึ่งใน 2 พงศาวดาร.1-16 ก็ได้เขียนถึง 9 ครั้งว่า กษัตริย์อาสาได้แสวงหาพระเยโฮวาห์ ซึ่งมีความหมายว่า “ขอความช่วยเหลือ “ต้องการคืนดีกับพระเจ้า” “อยากใกล้ชิด”
เมื่อเราเอาจริงเอาจังกับพระเจ้า พระองค์จะทรงสำแดงกับเรามากยิ่งขึ้น เมื่อการฟื้นฟูเกิดขึ้นทุกคนรู้สึกว่าพระเจ้าอยู่ท่ามกลางเรา เยเรมีย์ 33:3 “จงทูลเราและเราจะตอบเจ้า และจะบอกสิ่งที่ใหญ่ยิ่งและที่ซ่อนอยู่ซึ่งเจ้าไม่รู้นั้นให้แก่เจ้า” และให้มีท่าทีที่ “ขอความช่วยเหลือ” “ต้องการคืนดีกับพระเจ้า” “อยากไกล้ชิด”เพราะนี่เป็นสิ่งที่พอพระทัยพระองค์

ประการที่ 4 หันเสียจากทางชั่วของเรา
คือพระเจ้าต้องการให้ผู้นำและกษัตริย์ผู้เป็นต้นตอของความบาปและความล้มเหลว เป็นต้นตอของการลงโทษจากพระเจ้าที่ตกอยู่กับประชาชน ให้กลับใจละทิ้งความบาปทั้งหมดที่พระองค์ไม่พอพระทัย และให้หันกลับไปดำเนินชีวิตที่ดี และให้เข้าอยู่ภายใต้การปกครองของพระองค์อย่างแท้จริง และกษัตริย์ ซึ่งกษัตริย์ผู้นำทางศาสนาในเวลานั้น ก็ยอมรับเงื่อนไขนี้จากพระเจ้า ให้เรามาดูว่าผู้นำเขาทำอย่างไรในเวลานั้น
4.1 กษัตริย์แห่งยูดาห์ทำลายรูปเคารพ แท้จริงการทำลายรูปเคารพเหมือนกับการทำลายความเชื่อถือศรัทธาของคนทั้งหลาย ซึ่งอาจจะเกิดการต่อต้านจากบุคคลเหล่านี้ และยังเป็นการประกาศตัวเป็นศัตรูกับอำนาจมืด แต่ผู้นำในเวลานั้น ผู้นำทั้งหลายโดยเฉพาะกษัตริย์ ก็กล้าที่จะเลือกและยอมรับเอาวิธีการของพระเจ้าอย่างไม่ขัดขืนเลย
4.2 กษัตริย์อาสา ได้ปลดแม่ของเขาออกจากตำแหน่ง เพราะแม่ของเขาเป็นผู้สร้างรูปเคารพ (2 พงศาวดาร 15:16) การที่จะหยุดยั้งการทำชั่วจากบุคคลที่ใกล้ชิดเป็นเรื่องยากมาก บางครั้งผู้นำก็อาจจะเกรงใจ เกรงกลัวการเสียผลประโยชน์บางอย่าง แต่ผู้นำที่มีสิทธิอำนาจอยู่ในมือเต็มที่ก็ควรจะใช้สิทธิอำนาจนั้นในทางที่พระเจ้าพอพระทัย (ถึงแม้มนุษย์จะไม่พอใจ) และผู้นำต้องเลือกว่าจะอยู่ฝ่ายความถูกต้องคืออยู่ฝ่ายพระเจ้าหรืออยู่ฝ่ายมนุษย์เนื้อหนังที่จมอยู่ในความบาป อันเป็นศัตรูต่อพระเจ้า
เมื่อเราหันเสียจากทางบาปเหมือนอย่างที่บทเรียนจากอดีตในพระคัมภีร์ ชีวิตของเรานี้ก็จะนำไปสู่ ภาชนะที่สะอาดเป็นผู้ที่จุดชนวนการฟื้นฟูในครั้งนี้ก็เป็นได้

15 พ.ค. 2552

โปรแกรมอ่านพระคัมภีร์ version KJV

ยินดีต้อนรับเราภูมิใจเป็นอย่างมากที่ท่านสนใจพระคัมภีร์ของเรา
Download

14 พ.ค. 2552

share QT.

วันนี้ตื่นมาแต่เช้า ได้อ่านในมานา ใน1 โครินธ์ 2:6-16 พระเจ้าบอกว่าสติปัญญาที่อยู่ในโลกนี้ก็จเสื่อมสูญแต่พระเจ้าทรงบอกว่าพระปัญญาที่มาจากพระเจ้านั้นได้ทรงกำหนด ไว้ก่อนที่จะทรงสร้างโลก
ฉะนั้นเราควรแสวงหาสติปัญญาที่มาจากพระเจ้า